ประวัติ
อินเวอร์เตอร์คือหัวใจหลักของทุกระบบกักเก็บพลังงาน แต่เมื่อระบบต้องการขยายขนาดเพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่ใหญ่ขึ้น อินเวอร์เตอร์เพียงเครื่องเดียวอาจไม่เพียงพอ ตรงนี้เองที่ฟังก์ชัน การทำงานแบบขนาน (Parallel Functionality) ของ Solis Hybrid Inverter เข้ามามีบทบาทสำคัญ
ด้วยความสามารถในการให้หลายอินเวอร์เตอร์ทำงานร่วมกัน ระบบไฮบริดของ Solis สามารถก้าวข้ามข้อจำกัดด้านกำลังการผลิตของอินเวอร์เตอร์เครื่องเดียว ช่วยให้การขยายระบบทำได้อย่างราบรื่น ยืดหยุ่น และเพิ่มความเสถียรของระบบผ่านการทำงานแบบสำรอง (Redundancy) ไม่ว่าคุณจะวางแผนขยายระบบทีละขั้นตอน หรือเตรียมพร้อมรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในอนาคต การเชื่อมต่ออินเวอร์เตอร์แบบขนานคือทางออกที่คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูง
ในคู่มือนี้ เราจะอธิบายขั้นตอนการเชื่อมต่ออินเวอร์เตอร์ไฮบริด Solis หลายเครื่องเข้าด้วยกัน พร้อมแนะนำการตั้งค่าการสื่อสารและพารามิเตอร์ทีละขั้นตอน
สิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาก่อนเริ่ม
• ความเข้ากันได้ของรุ่น: ใช้อินเวอร์เตอร์รุ่นเดียวกันเท่านั้นในการต่อแบบขนาน เช่น อินเวอร์เตอร์ 11kW สามารถเชื่อมต่อกับรุ่น 11kW เท่านั้น ไม่รองรับการใช้รุ่นต่างกัน
• เฟิร์มแวร์ต้องตรงกัน: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอินเวอร์เตอร์ทุกตัวใช้เวอร์ชันเฟิร์มแวร์เดียวกัน
• จำนวนสูงสุดที่เชื่อมต่อได้: สามารถเชื่อมต่ออินเวอร์เตอร์ไฮบริด Solis สูงสุด 6 ตัวในหนึ่งระบบ
• Data Logger: อินเวอร์เตอร์ Master เพียงเครื่องเดียวที่ต้องเชื่อมต่อกับมิเตอร์และ Data Logger อย่างไรก็ตาม การอัปเดตเฟิร์มแวร์ต้องทำกับแต่ละเครื่องโดยใช้ Data Logger แยก
• ระบบกราวด์: อินเวอร์เตอร์ทุกเครื่องต้องเชื่อมต่อเข้ากับจุดกราวด์เดียวกัน เพื่อลดความต่างศักย์ที่อาจกระทบประสิทธิภาพการทำงาน
• อินพุต PV: อินเวอร์เตอร์แต่ละเครื่องต้องมีสาย PV String ของตนเองตามกำลังไฟฟ้า DC ที่กำหนด
• อินพุตแบตเตอรี่: อินเวอร์เตอร์ทั้งหมดต้องเชื่อมเข้ากับระบบแบตเตอรี่ที่มีแรงดันเท่ากัน แต่ละเครื่องควรมีสายเชื่อมต่อของตนเอง
• การเชื่อมต่อขาออก: ขาออก AC Grid และ Backup ของแต่ละเครื่องต้องเชื่อมขนานกันตามไดอะแกรมการเดินสายที่กำหนด
ไดอะแกรมการเดินสาย
ไดอะแกรมนี้ใช้ S6 EH3P(3-10)K เป็นตัวอย่าง เพื่อแสดงสถาปัตยกรรมของการเชื่อมต่อระบบอินเวอร์เตอร์ไฮบริดแบบขนาน

ภาพที่ 1: ไดอะแกรมระบบแบบขนาน S6 EH3P (3-10)K
การตั้งค่าการสื่อสารและพารามิเตอร์
1. ตรวจสอบอินเวอร์เตอร์แต่ละตัว
ก่อนตั้งค่าระบบแบบขนาน ให้ตรวจสอบการทำงานของอินเวอร์เตอร์แต่ละตัวทีละเครื่อง หากพบข้อผิดพลาดหรือแจ้งเตือน ต้องแก้ไขให้เรียบร้อยก่อนต่อสายสื่อสารแบบขนาน เพื่อให้ระบบทำงานได้เสถียร
2. การตั้งค่าการสื่อสารแบบขนาน
อินเวอร์เตอร์ไฮบริด Solis แต่ละตัวจะมีพอร์ต RJ45 สองช่องสำหรับการสื่อสารแบบขนาน — Parallel A (ซ้าย) และ Parallel B (ขวา) — โดยใช้โปรโตคอล CAN
การต่อสายแบบเดซี่เชน:
¡ ต่อพอร์ต Parallel-A ของอินเวอร์เตอร์ Master เข้ากับพอร์ต Parallel-B ของอินเวอร์เตอร์ Slave ตัวแรก
¡ ต่อจากนั้น ให้ต่อ Parallel-A ของ Slave ตัวแรกเข้ากับ Parallel-B ของ Slave ตัวถัดไป และทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ

ภาพที่ 2: ปลั๊ก RJ45 ภาพที่ 3: พอร์ตแบบขนาน
3. การตั้งค่า Dip Switch
อินเวอร์เตอร์ตัวแรกและตัวสุดท้ายให้ตั้ง Dip Switch หมายเลข 1 และ 2 เป็น ON ส่วนอินเวอร์เตอร์ตัวกลางให้ตั้งเป็น OFF ตัวอย่าง:
• ต่อขนาน 2 ตัว → ทั้งสองตัวตั้งเป็น ON
• ต่อขนาน 3 ตัว → ตัวแรกและตัวสุดท้าย ON ตัวกลาง OFF
• หมายเหตุ: Dip Switch ขึ้นด้านบนคือ ON ลงด้านล่างคือ OFF

การตั้งค่าพารามิเตอร์ในแอป
1. เข้าสู่แอป SolisCloud → ไปที่ การตั้งค่า (Setting) → เลือก การตั้งค่าขนาน (Parallel Settings)

Master Inverter → ตั้งค่าตามนี้ Slave Inverter → ตั้งค่าตามนี้
4. ข้อกำหนดพารามิเตอร์
เมื่อเข้าสู่โหมดขนานแล้ว ให้ตั้งค่าโหมดการทำงานและการตั้งค่าหลักอื่นๆ ที่อินเวอร์เตอร์ Master เพียงตัวเดียว การตั้งค่านี้จะซิงค์ไปยังทุกเครื่องโดยอัตโนมัติ
ตั้งค่าหมายเลขประจำเครื่องไม่ให้ซ้ำกัน:
• Master Inverter = ID 1
• Slave Inverter = ID 2~N (สูงสุด 6 เครื่อง)
Master Inverter จะแสดงข้อมูลการไหลของพลังงานรวมของทั้งระบบ


หน้าจอการไหลของพลังงาน – อินเวอร์เตอร์หลัก (Master) หน้าจอการไหลของพลังงาน – อินเวอร์เตอร์รอง (Slave)
สรุป
การทำงานแบบขนานของอินเวอร์เตอร์ไฮบริด Solis เป็นโซลูชันกักเก็บพลังงานที่ยืดหยุ่นและสามารถขยายได้
เริ่มจากขนาดเล็กและขยายเพิ่มเมื่อจำเป็น โดยไม่ต้องเปลี่ยนทั้งระบบ
ความยืดหยุ่นนี้ช่วยควบคุมงบประมาณและรองรับการอัปเกรดกำลังไฟในอนาคตได้อย่างง่ายดาย ทำให้การติดตั้งมีความพร้อมสำหรับอนาคต
2025-11-19 17:30:00.0